เลือกความสงบ จบที่บริสเบน
อีกตัวเลือกย้ายถิ่นฐานใหม่สำหรับคนรักความสงบ(จริงๆ)
ช่วงนี้กระแส #ย้ายประเทศกันเถอะ กำลังมาแรงมากเลยทีเดียว
ผมเลยอยากจะมาแชร์ช่วงชีวิตสั้นๆ(ประมาณ 7 เดือน) ของผมในการไปใช้ชีวิตที่เมืองใหญ่อันดับ 3 ของ ประเทศออสเตเรีย
วันนี้ผมจะมาสรุปสั้นๆ(สาบานจะไม่เวิ้นเหวอ) เกี่ยวกับเมืองนี้ให้ฟังสำหรับคนที่กำลังมองหาถิ่นฐาน
ซึ่งผมเคยเขียนบทความเกี่ยวกับบริสเบนมาแล้ว สำหรับคนที่สนใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ 40 ข้อที่ประสบพบเจอในบริสเบน และ ไปเรียนอิ๊งที่บริสเบน เป็นไง
สำหรับบทความนี้จะกล่าวถึงเฉพาะลักษณะเมือง และความเป็นอยู่จากประสบการณ์ของผู้เขียน มิได้กล่าวถึงวิธีการย้ายถิ่นฐาน
ก่อนอื่น.. บริสเบน มันคือที่ไหนวะ?
คำถามนี้ผมเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะสงสัย ผมเองพึ่งจะรู้จักก็ตอนเมื่อพี่สาวไปเรียนปกติเราพูดถึงออสเตเรีย ในหัวก็มีแต่ ซิดนี่ย์ กับ เมลเบิร์น เนอะ โอเคเข้าเรื่องเลย
บริสเบนคือเมืองหลวงอันดับ 3 ของประเทศออสเตเรีย อยู่รัฐควีนส์แลนด์ ตัวเมืองอยู่ประมาณตอนกลางทิศตะวันออก ของประเทศ
อากาศเป็นอย่างไร
จากภาพในแมพ คุณจะเห็นว่า มันอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรกว่า ซิดนี่ย์กับเมลเบิร์น ประเทศไทยช่วงหนาวๆ อาจจะหนาวแค่ ไม่กี่วัน แต่ที่นี่เค้าหนาวคือ หนาวยาว แต่ไม่หนาวลึก..เอ๊ะ ยังไง คืออุณภูมิไม่สวิงแบบบ้านเราที่ตอนเช้าจะ 14 องศา กลางวัน 30 และช่วงเวลาหน้าหนาวคืออากาศเย็นจริงๆ ยาวๆ ซะใจกันไปเลย ;) ประมาณ 10 องศา อาจมีเลขหลักเดียวบ้าง ตอนกลางวันก็อาจจะ 23 องศา แล้วแต่ช่วง ใครชอบหนาวๆ แบบไม่ไม่หนาวมากแนะนำเลย
หน้าร้อนละ?
ที่หน้าร้อน มันก็ร้อนจริงๆ นั่นแหละ แต่ช่วงกลางคืนก็มีได้รับอิทธิพลของลมจากขั้วโลกใต้ ทำให้ไม่ได้ร้อนมากมาย ที่น่ากลัวกว่าคือแดด ที่มันแผดเผาจนอาจจะเป็นมะเร็งผิวหนังได้
สภาพเมือง เศรษฐกิจ
เป็นประเทศที่เจริญแล้วอย่างแท้จริง ซึ่งเจริญแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีแสงสี หรือคึกคัก กลับกัน บริสเบนเป็นเมืองที่ สงบ ไม่วุ่นวาย แต่เปรียบไปด้วยคุณภาพ เดินทางสะดวก มีสาธารณะสุขที่ดี มีมลพิษน้อย มีอาญาชากรรมน้อย
การเดินทาง
ในรัฐควีนสแลนด์ นับเป็นรัฐที่มีระบบขนส่งสาธารณะดีเยี่ยม มีรถเมล์เข้าถึงทุกที่(แต่อาจจะต้องเดินหน่อย) รถเมล์ เรือ รถไฟมีมาตรฐาน ใช้บัตร Go card บัตรเดียว ไปได้ทุกอย่าง แต่ราคาแอบโหดอยู่ แม้กระทั่งคนท้องถิ่นยังบ่น ส่วนเรื่องรถส่วนตัว ที่นี่ราคารถยนต์ถูกกว่าที่ไทย คุณสามารถมี Camry ได้ง่ายๆ แม้จะเป็นแค่แรงงาน แต่สิ่งที่แพงคือ ที่จอดรถต่างหาก
คุณจะแฮปปี้กับการเดินในเมืองที่เจริญแล้ว มันช่างเดินสะดวกจริงๆ ค่อยๆชมความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ทางเท้าที่กว้างขวาง ไม่มีเสา ป้ายโฆษณา มาบดบังวิสัยทัศน์ และทางเดิน ไม่มีหลุมบ่อหรือกับดักน้ำกระเด็น แม้ในที่ห่างไกลจากตัวเมือง
มีแต่คนผิวขาวไหม? มีคนไทยอาศัยเยอะไหม?
ที่นี่ ทั้งคนหน้าตาพื้นเพ ยุโรป เอเชีย และคนผิวสี มีการรวมกลุ่มสำหรับผู้อพยพ(Refugee) บ่อยครั้ง สะท้อนถึงการเปิดรับ immigrant ใหม่ๆ คุณจะได้เพื่อนใหม่ที่มาจากทุกมุมโลกเลย ส่วนคนไทยที่นี่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบซิดนี่ย์ สำหรับผมที่นี่คนเวียตนามกับเกาหลียังดูเยอะกว่ามาก
สภาพสังคม
สังคมแบบบริสเบน มีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับพื้นเพของแต่ละบุคคล แต่โดยภาพรวมนับเป็นสังคมที่น่าอยู่ มีระเบียบ มีน้ำใจไมตรี คุณสามารถทักทายคนแปลกน่าได้อย่างไม่ต้องเคอะเขินหรือมองแรง สำหรับคนไทยอาจจะต้องปรับตัวเพื่อรับกับสังคมรูปแบบใหม่ มีคนรวย ฐานะปานกลางปะปนกันไป มีคน homeless บ้าง รวมถึงอาจจะได้เจอ Aborigin
สงบแบบที่บอกจริงไหม
จริงแท้แน่นอนครับ เนื่องจากเมืองนี้ไม่ได้เป็นเมืองใหญ่การแข่งขันสูงแบบ ซิดนี่ย์หรือบริสเบน คนที่นี่จึงไม่ได้ดูรีบร้อน ตัวเมืองไม่ได้ดูวุ่นวายแบบเมืองใหญ่ๆ กลางคืนที่เที่ยวแสงสี อาจจะไม่ไม่เยอะ บางสี่แยกในตัวเมืองแค่ช่วง 3 ทุ่มก็เงียบสงัดแล้ว กลางคืนเห็นดาวชัดแจ๋ว ถ้าคุณเป็นคนรักสงบละก็ ที่นี่น่าจะนับว่าถูกใจเป็นอย่างยิ่ง
หางานง่ายไหม?
ถ้าเป็นงานประจำผมต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ได้มีประสบการณ์เรื่องนี้โดยตรง แต่เท่าที่คุยกับคนไทยที่ถือสัญชาตินิวซีแลนด์ เค้าบอกกับผมว่า ที่นี่ถ้าคุณเป็นเชื้อสายเอเชีย งานอาจจะหายากซักหน่อย ถ้าคุณไม่ได้เก่งจนโดนเด่นมากๆ อาจจะหางานประจำยากเสียหน่อย สำหรับอาชีพที่เป็นเฉพาะทาง และที่นี่สายงานไอทีค่อนข้างมีน้อย เค้ายังเคยถามผมว่า เคยเห็นบริษัทไอที หรือป้ายไหม ซึ่งผมบอกตรงๆ ผมไม่เคยเห็นจริงๆ มันไม่ได้เป็นเมืองที่ขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ฉะนั้นถ้าคุณต้องการทำงานสายอาชีพทั่วไป อาจจะต้องใช้ความพยายามซักหน่อย
แต่ถ้าเป็นงานแรงงานละ?
หาง่ายแน่นอนครับ งานใช้แรงงาน ค่าแรงที่นี่ก็ไม่ธรรมดา มีตั้งแต่ $13-$21 ครับ แล้วแต่ประเภทงาน อ้อ ต่อชั่วโมงนะครับ ;) แรงงานทีนี้ซื้อรถ Camry กันได้สบายๆ อย่างที่ผมบอก
มีที่เที่ยวใกล้ๆ ไหม?
“เอาจริงๆนะ โคตรเยอะ”
ไม่ไกลจากเมือง Brisbane มีเมืองท่องเที่ยวระดับโลก อย่าง Gold Coast
Gold Coast คือเมืองท่องเที่ยวติดชายหาดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก มีชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลกเกี่ยวกับการเล่นเซิฟบอร์ด
จากกรุงเทพไปพัทยา ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง ก็อาจจะเปรียบได้กับบริสเบนที่ห่างจาก Gold Coast เพียงแค่ 1.30 ชั่วโมง
ไม่เพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีสวนสยาม และ Dream world ฉบับชาวบริสเบน คือ
Movie World and Sea World
ถ้าคุณไม่พอใจพัทยาแบบฉบับของบริสเบน ขอแนะนำ หัวหิน(เปรียบเปรย)ของบริสเบน นั่นคือ Sunshine Coast อุทยานแห่งชาติที่มีเส้นทางศึกษาทางธรรมชาติ และชายหาดที่สวยงาม มีสถานที่ให้เช่าเซิฟบอร์ดเช่นกัน
แต่ความพิเศษคือ มีนู้ดบีช หรือ หาดกล้าแพ่(แก้ผ้าได้)นี่เอง
เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงหยุดยาวคุณอาจจะไปไกลกว่าที่เที่ยวทั้งสอง เช่น Byron bay หรือ Freaser Iseland ก็ย่อมได้
แต่ถ้าคุณยังอยากไปไกลกว่านี้อีก แนะนำ ซิดนี่ย์ เพิร์ท เมลเบิร์น ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ไม่ไกล แถมค่าเครื่องบินเดินทางในประเทศยังราคาไม่แพงอีกด้วย ประมาณ 2200–3000 บาทไทยเท่านั้น
สิ่งที่ชอบสำหรับเมืองนี้
สำหรับผมสิ่งที่ชอบมีหลายอย่างมากครับ ผู้คนเป็นมิตรเข้าถึงง่าย มีหลากหลายเชื้อชาติ มีความปลอดภัย(ผมเคยวิ่งออกจากบ้านด้วยความจำเป็นตอนดึกๆ ไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวเลย)ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองทางเท้า การเดินทาง สภาพอากาศ มีสวนสาธารณะมากมาย แทบทุกหัวมุมถนน
สิ่งที่ไม่ชอบ
เนื่องจากเป็นเมืองที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้บางช่วงก็รู้สึกไม่คึกคัก พอตกใจเย็นๆกลางคืน มันชั่งเงียบจริงๆ อาจจะเบื่อๆ หน่อยช่วงกลางคืน แสงสีน้อย สำหรับคนที่ชอบความแสงสีอาจจะไม่เหมาะ
และอีกเรื่องก็เรื่องงาน ที่อาจจะหายากซักหน่อยถ้าคุณเป็นชาวเอเชีย สำหรับบางสายอาชีพ
ถ้าคุณกำลังมองหาถิ่นที่อยู่ใหม่ และถูกจริตกับบริสเบนเมืองที่น่ารักอบอุ่นละก็ ผมขอให้คุณประสบความสำเร็จในการย้าย และปรับตัวได้ในเร็ววันนี้นะครับ :)))
ถ้าคุณสนใจมากขึ้น ขอแนะนำเพจของคนไทยในบริสเบน เพจนี้เลยครับ https://www.facebook.com/mabrisbane/
